Final Destination (2000) 7 ต้องตาย โกงความตาย – ขายเพื่อนให้ดู
เฮ้ย!! รู้มั้ยว่าเรื่องไหนที่เราต้องดูพร้อมกันบนโซฟา พร้อมขนมและอีกหนึ่งคนที่จะมากอดเราตอนสยองขวัญ? Final Destination (2000) นี่แหละ!
อย่างแรก: นี่ไม่ใช่หนังผีธรรมดา
ลืมเรื่องผีหรือฆาตกรหน้ากากโหดๆ ไปได้เลย เพราะตัวร้ายในเรื่องนี้คือ “ความตาย” เอง! ไม่มีหน้า ไม่มีตัวตน แต่หาทางฆ่าคนที่ควรตายแล้วด้วยอุบัติเหตุที่บ้าระห่ำสุดๆ จนเราต้องนั่งคิดว่า “เฮ้ยยย ทำไมไม่นึกถึงแบบนี้วะ!”
เรื่องราวเริ่มต้นจากอเล็กซ์ (Devon Sawa) นักเรียนม.ปลายที่ได้นิมิตหรือ”ฝันร้าย”ว่าเครื่องบินที่เขาและเพื่อนๆ จะขึ้นไปเที่ยวปารีสจะระเบิดกลางอากาศ แต่พอเขาตื่นแล้วพบว่ายังอยู่บนเครื่องบิน เขาเลยเกิดอาการแตกตื่น ทำให้เขาและอีก 6 คนถูกไล่ออกจากเครื่อง แล้วเครื่องบินก็ระเบิดจริงๆ!
จุดที่น่าสนใจ: เมื่อโกงความตายแล้ว มันจะมาเก็บคืน
นี่แหละคือจุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้เจ๋งและน่ากลัวไปพร้อมๆ กัน! พวกที่รอดมาได้เริ่มตายทีละคน ด้วยอุบัติเหตุแบบ “เฮ้ย นี่มันบังเอิญมากเกินไปแล้วมั้ย?” เช่น สายไฟหลุด, มีดครัวตก, รถไฟมา แต่ละตายนะคือ… เชี่ยวชาญมาก!
ที่สำคัญคือ การตายแต่ละแบบเชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่แบบเครื่องจักร Rube Goldberg ทำให้เรารู้สึกว่า “โอ้ว มันวางแผนมาแล้วนี่นา!” แต่ก็หยุดไม่ได้
ทำไมต้องดู?
1. ความคิดสร้างสรรค์สุดๆ – ใครจะไปคิดว่าความตายเป็นตัวร้าย? ไม่มีคนใช้มีด ไม่มีมอนสเตอร์ แค่… อุบัติเหตุที่วางแผนมาอย่างดี
2. ทำให้ระแวงทุกอย่าง – หลังดูจบเราจะกลัวสายไฟหลุด, มีดในครัว, รถติดไฟแดง และอื่นๆ อีกมากมาย (แต่ในแบบสนุกๆ นะ!)
3. เนื้อเรื่องไม่ธรรมดา – ตัวละครมีบทสนทนาเกี่ยวกับชะตากรรม โชคชาตา และการต่อสู้กับสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในแบบที่เด็กวัยรุ่นพูดได้
4. เริ่มต้นที่ดีของแฟรนไชส์ – นี่คือจุดเริ่มต้นของซีรีส์ที่มีต่อถึง 5 ภาค! ดูภาคแรกก่อนจะได้เข้าใจที่มาที่ไป
คำเตือน (ไม่สปอย!)
อย่าคาดหวังการแสดงระดับออสการ์ แต่จุดขายอยู่ที่ความสร้างสรรค์ของ “การตาย” และความหวาดเสียวที่ทำให้เราต้องปิดตาในช่วงที่ลุ้น ยืนยันว่าหลังดูจบจะทำให้เรามองดูของใช้ในบ้านด้วยความระวัง… เป็นอย่างน้อย 2-3 วัน!
ฟังดูสนุกมั้ย? เอาล่ะ เตรียมป๊อปคอร์นแล้วมาดูกัน! แต่อย่าโทษเราถ้าคืนนั้นนอนไม่หลับนะ
แนวหนัง: สยองขวัญเหนือธรรมชาติ ระทึกขวัญ จิตวิทยา