My Oxford Year (2025) อ็อกซ์ฟอร์ดในฝันของสาวอเมริกัน – ขายเพื่อนให้ดู
เฮ้ย! มีหนังใหม่ใน Netflix ที่ต้องบอกเลย ถ้าเป็นคนที่ชอบหนัง rom-com แบบหวานๆ เศร้าๆ และฉากสวยๆ My Oxford Year (2025) นี่แหละที่เราต้องดูกัน! แต่เตือนไว้ก่อนนะ เตรียมกระดาษทิชชู่และไอศกรีมไว้ เพราะหนังเรื่องนี้มันจะพาเราไปตีลังกาทั้งหัวใจและสมอง!
เริ่มต้นด้วยความฝันที่ดูเรียบง่าย
จินตนาการดูสิ แอนนา (Sofia Carson) สาวอเมริกันที่มีความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากไปเรียนที่ Oxford University ประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะวิชาวรรณกรรมยุควิคตอเรียน เธอมีแผนชีวิตเรียบร้อย มีแฟนที่ดี มีอนาคตที่สดใส แต่เธอตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไว้ที่อเมริกาเพื่อมาใช้ชีวิตปีหนึ่งในฝันที่ Oxford
แล้วในวันแรกที่เธอมาถึง จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งขับรถแล่นผ่านทำให้เสื้อเธอเปียกโชก! ใครจะรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นคือ เจมี่ (Corey Mylchreest) ครูสอนบทกวีที่เธอจะต้องเรียนด้วย และใครจะรู้ว่าการเริ่มต้นที่แย่ขนาดนี้จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวรักที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
หนุ่มอังกฤษลึกลับกับความลับสุดช็อก
เจมี่ไม่ใช่แค่ครูสอนบทกวีธรรมดาๆ หรอก เขาฉลาด มีเสน่ห์ พูดจาเก่ง และที่สำคัญคือมีความลับบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ ในตอนแรกทั้งคู่ก็เหมือนไฟกับน้ำ เขาชอบแกล้งเธอ เธอก็รำคาญเขา แต่แล้วคืนหนึ่งที่ผับ… ทุกอย่างเปลี่ยนไป!
พอทั้งคู่เริ่มเข้าใจกัน เริ่มมีอะไรกัน เริ่มตกหลุมรักกัน ความลับของเจมี่ก็เริ่มค่อยๆ เผยออกมา และนี่แหละที่ทำให้เรื่องราวกลายเป็นมากกว่า rom-com ธรรมดา กลายเป็นเรื่องราวที่จะทำให้เราต้องเลือกระหว่างความรักกับความฝัน
ทำไมต้องดู?
1. ฉากสวยจนอยากไปเที่ยว – Oxford สวยมาก ทั้งอาคารเก่าแก่ ห้องสมุด และบรรยากาศที่ดูโรแมนติก จะทำให้เราอยากบินไปอังกฤษเลย
2. Chemistry ระหว่างนักแสดง – Sofia Carson และ Corey Mylchreest (จาก Queen Charlotte) มีเคมีที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เกินไปแต่ก็หวานพอที่จะทำให้ใจฟู
3. เพลงและบทกวี – หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยบทกวีเก่าแก่และเพลงเพราะๆ ที่ช่วยเสริมอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะคำพูดของ Alfred Tennyson ที่ว่า “มันดีกว่าที่จะรักและสูญเสีย กว่าจะไม่เคยรักเลย”
4. ประเด็นลึกๆ – ไม่ใช่แค่เรื่องรักธรรมดา แต่เป็นเรื่องราวที่ทำให้เราคิดเรื่องการเลือกระหว่างความฝันกับความรัก ระหว่างอนาคตที่วางแผนไว้กับปัจจุบันที่ไม่แน่นอน
คำเตือน (ไม่สปอย!)
เตรียมใจให้พร้อมว่าหนังเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นแค่หวานๆ อย่างเดียวนะ มันมีช่วงที่จะทำให้เราเศร้า ร้องไห้ และคิดชีวิตไปกับตัวละคร แต่นั่นแหละที่ทำให้มันไม่ธรรมดา!
บางคนบอกว่าเป็น cliché แต่บางทีความ cliché ก็คือสิ่งที่เราต้องการในบางครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่อยากดูหนังที่ทำให้รู้สึกดีๆ และได้กอดหมอนร้องไห้นิดหน่อย
ฟังดูน่าสนใจมั้ย? คืนนี้เปิด Netflix ดูกันไหม? แต่อย่าโทษเราถ้าดูจบแล้วต้องไปหาข้อมูลเรื่อง Oxford และคิดจะไปเรียนต่อต่างประเทศนะ!
แนวหนัง: โรแมนติกคอมเมดี้ ดราม่า เศร้าหวาน วรรณกรรม