เมื่อความฝันเจอกับความศรี: พลังแห่งการค้นหาตัวตนใน Praise This (2023)
หากคุณเคยรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนรอบข้าง หรือเคยถูกบีบบังคับให้อยู่ในสถานที่ที่ไม่ใช่โซนความสะดวกสบาย Praise This อาจเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนความรู้สึกนั้นได้อย่างนุ่มนวล ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของแซม (Chlöe Bailey) สาวผู้มีความฝันอยากเป็นซูเปอร์สตาร์ด้านดนตรี แต่กลับต้องมาเจอกับการเป็นส่วนหนึ่งของวงขับร้องประสานเสียงสรรเสริญในแอตแลนตา สิ่งที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขันหรือการเดินทางสู่ความสำเร็จเท่านั้น แต่เป็นการสำรวจแนวคิดเรื่อง “การเปลี่ยนแปลง” ที่เกิดขึ้นเมื่อเราเปิดใจให้กับสิ่งที่แตกต่าง ผ่านตัวละครแซมที่เริ่มต้นด้วยความเย่อหยิ่งและดูถูกวิถีชีวิตแบบศาสนกิจ แต่ค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะยอมรับและเข้าใจความหมายของการอยู่ร่วมกันและการให้ความเคารพ ไม่ใช่การ “สวมใส” ความศรัทธา แต่เป็นการค้นพบพลังภายในตัวเองผ่านการได้รับการยอมรับและการให้โอกาส หนังเรื่องนี้ไม่ได้พยายามยัดเยียดความเชื่อลงคอใครแต่อย่างใด แต่กลับสื่อสารผ่านข้อความที่ว่า “ศรัทธาในตัวเอง” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดหรือไม่นับถือศาสนาเลย การใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางในการบอกเล่าเรื่องราวทำให้ภาพยนตร์มีพลังในการสื่อสารที่เข้าถึงได้ง่าย ผ่านเสียงเพลงที่ทั้งสร้างแรงบันดาลใจและสะเทือนอารมณ์ สิ่งที่ทำให้ Praise This พิเศษคือการที่มันไม่ได้มองการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องของการละทิ้งตัวตนเดิม แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความฝันส่วนตัวกับการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ตัวละครในเรื่องถูกสร้างขึ้นอย่างมีมิติ ไม่ได้เป็นแค่ “คนดี” หรือ “คนเลว” แบบขาวดำ แต่เป็นคนที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มีความซับซ้อนในตัวเองเหมือนคนจริง ๆ ทำให้เราเห็นว่าการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องของการเป็นคนสมบูรณ์แบบ แต่เป็นเรื่องของการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นและยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ในท้ายที่สุด ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเหมือนจดหมายรักถึงทุกคนที่เคยรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้ากับที่ไหน แต่กลับค้นพบว่าบางครั้งสถานที่ที่เราคิดว่าไม่ใช่สำหรับเรา อาจกลับเป็นที่ที่เราได้เรียนรู้และเติบโตมากที่สุด
แนวหนัง: มิวสิคอล, คอมเมดี้, ดราม่า, โรแมนซ์